ออฟฟิศซิน (Office syndrome) เป็นอาการที่แพร่หลายในหมู่พนักงานออฟฟิศ ซึ่งปัจจุบันนี้หลังจากการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ทำให้หันมาทำงานแบบ “Work from Home” (WFH) กันมากขึ้น ดังนั้นแล้วในปัจจุบันอาการ office syndrome ไม่ได้แค่อยู่ในสำนักงานอย่างเดียวเท่านั้น ยังรวมถึงการทำงาน WFH จากที่บ้านด้วย การทำงานทั้งใน ออฟฟิศ และ WFH ทั้งสองอย่างนั้นก็เป็นเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการ office syndrome ได้เช่นกันเนื่องจากเกี่ยวข้องกับท่านั่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ 

นอกจากนี้การทำงาน WFH  และทำงานที่สำนักงานออฟฟิศบ่อยครั้งอาจทำให้มีนิสัยติดนั่งนานๆ ในที่เดียวโดยไม่มีการยืนหรือเคลื่อนไหวมากนัก นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถือว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาด้วยก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ อาการปวดตา ปวดหัว และปวดหลังเพิ่มมากขึ้น

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับออฟฟิศซินโดรม

ปัญหาเกี่ยวกับกระดูก และกล้ามเนื้อ

การนั่งเป็นเวลานาน และท่าทางที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ และกระดูก เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ และกลุ่มอาการ carpal tunnel syndrome

อาการปวดตา

การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการปวดตา ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ตาแห้ง ตาพร่ามัว และปวดศีรษะ

การบาดเจ็บจากความเครียดซ้ำๆ (Repetitive Strain Injuries) (RSI)

การทำงานซ้ำๆ เช่น การพิมพ์ และการใช้เมาส์คอมพิวเตอร์ อาจส่งผลให้เกิด RSI เช่น เอ็นอักเสบ

โรคอ้วน และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

งานที่ต้องนั่งทำงานประจำอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และเป็นโรคอ้วนได้ หากไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ

ปัญหาสุขภาพจิต

ลักษณะงานในสำนักงานที่มีความกดดันสูง ทำให้อาจเกิดอาการเครียดได้

วิธีรักษาออฟฟิศซินโดรม มีวิธีอะไรบ้าง 

อย่างที่ทราบกันว่าออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการนั่งนานๆโดยไม่มีการยืนหรือเคลื่อนไหวมากนัก ซึ่งการที่เรานั่งไม่ถูกต้องในระยะที่ยาวเกินไปนั้น ทำให้เมีอาการปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ ข้อศอก ปวดข้อมือ ปวดหลัง(หรือปวดหลังส่วนล่าง) ปวดสะโพก (ซึ่งบางครั้งอาจมีอาการปวดหลังร้าวลงขาด้วย) หรือกระทั่งมือชา เนื่องมาจากการใช้งานมือพิมพ์ หรือใช้เมาส์เป็นเวลานาน เนื่องมาจากมีพังผืดที่ข้อมือจากการใช้งานบ่อยๆ

ด้วยเหตุนี้การรักษาออฟฟิศซินโดรม จึงต้องใช้วิธีการรักษาที่หลากหลายร่วมกัน เพื่อบรรเทาอาการ และป้องกันการกลับมาของโรคนี้ในระยะยาว และต้องเช็คด้วยว่าผู้ป่วยมีอาการปวดส่วนใดบ้าง เพราะอาการแต่ละอาการนั้นจะส่งผลที่แตกต่างกันไป 

ตัวอย่างการรักษาออฟฟิศซิน (office syndrome) มีดังนี้

1.การประเมินท่าทาง (Postural assessment)

  • เป็นการตรวจอย่างเป็นระบบที่ช่วยระบุความผิดปกติในการยืน นั่ง หรือเคลื่อนไหวร่างกาย
  • เพื่อเป็นการประเมินท่าทางทางกายวิภาค และระบุความไม่สมดุลของท่าทาง ปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ และกระดูก

2.การประเมินตามหลักสรีรศาสตร์ และการปรับเปลี่ยน (Ergonomic Assessment and Adjustments)

  • ประเมินพื้นที่ทำงานตามหลักสรีระศาสตร์อย่างละเอียด รวมถึงเก้าอี้ โต๊ะ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เสริม
  • การปรับเปลี่ยน เช่นความสูง และตำแหน่งของเก้าอี้ คีย์บอร์ด จอภาพ และเมาส์เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในแนวที่เหมาะสมกับท่าทางตามธรรมชาติของร่างกาย
  • ใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะกับสรีระ เช่น ขาตั้งจอภาพ ถาดแป้นพิมพ์ หรือที่วางเท้า หากจำเป็น
  • หยุดพักเป็นประจำเพื่อยืน ยืดเส้นยืดสาย และเคลื่อนไหวไปรอบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงท่าทางที่อยู่นิ่งเป็นเวลานาน

3.การออกกำลังกายและการยืดกล้ามเนื้อ (Physical Activity and Stretching)

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน การยืดกล้ามเนื้อ หรือการออกกำลังกายรูปแบบอื่นๆ

4.การฟื้นฟูสมรรถภาพเชิงรุก (Active rehabilitation)

  • เป็นแนวทางการออกกำลังกายเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ และกายภาพบำบัด มุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมของผู้ป่วยในกระบวนการฟื้นตัว
  • แนวทางนี้เกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายเพื่อกายภาพบำบัด การเคลื่อนไหวเฉพาะส่วน ที่มุ่งฟื้นฟูหรือปรับปรุงความสามารถทางกายภาพ การเคลื่อนไหว ความแข็งแกร่ง

5.การรักษา และฟื้นฟูโดยแพทย์

กายภาพบําบัด

แพทย์จะแนะนำให้นักกายภาพบำบัด ออกแบบท่าบริหารที่เหมาะสม เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้สามารถรองรับกระดูกสันหลังได้ นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

การฉีด

แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในบริเวณที่เกิดอาการปวด เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบ

การผ่าตัด

การบาดเจ็บที่มีอาการหนัก อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย เพื่อช่วยอาการปวดหลังส่วนล่างให้ดียิ่งขึ้น

รักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS

หรือ Peripheral Magnetic Stimulation เป็นการกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง ส่งผ่านเสื้อผ้าลงไปจนถึงเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร และเป็นบริเวณที่การนวดตัวไม่สามารถช่วยได้ เพื่อกระตุ้นให้มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดลงอย่างรวดเร็ว

เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique)

การรักษาแบบหัตถการโดยการใช้มือ ดึง ดัด จัดกระดูก และข้อต่อต่าง ๆ เพื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับ อาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อยู่หรือไม่  อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย

The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :

ขอบคุณข้อมูลจาก :  Dtap clinic, Dtap clinic

8/01/67 เวลา 01:34 น.