ออฟฟิศซินโดรมแม้จะไม่ใช่โรคตามการวินิจฉัยทางการแพทย์ ก็แต่หมายถึงกลุ่มอาการ และความรู้สึกไม่สบายที่มักเกี่ยวข้องกับการนั่ง หรือทำงานเป็นเวลานาน โดยการนั่งอยู่หน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยเฉลี่ยเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะในที่ทำงาน ออฟฟิศ การระบุอาการ และสาเหตุเบื้องหลังของออฟฟิศซินโดรมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความรู้สึกไม่สบาย และปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลัง

นอกเหนือจากอาการปวดหลัง ปวดหลังส่วนร่างแล้ว ถ้าคุณยังมีอาการปวดเมื่อยแย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดที่คอ ข้อมือ และไหล่ที่เห็นได้ชัดเจนหรือไม่? หรือคุณเป็นพนักงานออฟฟิศหรือไม่? และนั่งอยู่หน้าโต๊ะ และคอมพิวเตอร์บ่อยๆ ในขณะที่ทํางานจากที่บ้านทุกวันหรือไม่? คำถามมากมายในใจที่อาจหาคำตอบเองไม่ได้ ดังนั้นแล้ว The Commons Clinic จะพามาร่วมหาคำตอบด้านล่าง

ตรวจสอบท่าทางให้แน่ใจเพื่อป้องกันออฟฟิศซินโดรม!!

การตรวจสอบท่าทาง และการปรับเปลี่ยนท่าทางในสถานที่ทำงานเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันออฟฟิศซินโดรม การทำงานในท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่อาจส่งผลต่อเกิดอาการปวด หรือไม่สบายตัว กล่ามเนื้อในระยะยาว ได้

จะป้องกันกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร

ตรวจสอบท่าทางให้แน่ใจเพื่อป้องกันออฟฟิศซินโดรม!!

การตรวจสอบท่าทาง และการปรับเปลี่ยนท่าทางในสถานที่ทำงานเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันออฟฟิศซินโดรม การทำงานในท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่อาจส่งผลต่อเกิดอาการปวด หรือไม่สบายตัว กล่ามเนื้อในระยะยาวได้

ตัวอย่างการนั่งที่ดี

  • นั่งตัวตรง
  • อย่าไขว้ขา พยายามทําให้แบนราบ
    ที่พื้นดิน หรือที่วางเท้า
  • รักษาข้อมือให้ตรง และข้อศอกให้พักอยู่
    ที่โต๊ะ หรือเก้าอี้เพื่อให้ไหล่ผ่อนคลาย
  • พยายามกระจายน้ําหนักให้เท่าเทียมกันระหว่างคสะโพก และอย่าเอนหรืองอไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

หยุดพักสักนิดเพื่อกล้ามเนื้อที่ดีกว่า

นอกเหนือจากการพักกลางวันตามปกติแล้ว ให้พยายามสร้างนิสัยในการพักทำงานประมาณ 10-15 นาทีการหยุดพักเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทําให้ร่างกาย และกล้ามเนื้อของคุณหยุดพักได้เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อจิตใจอีกด้วย เนื่องจากจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาความเครียด และความเหนื่อยล้าสะสม

เคลื่อนไหวสักนิด จะได้ไม่เป็นภาระของกล้ามเนื้อ

มนุษย์เงินเดือนอย่างเราไม่ได้ตั้งใจที่จะนั่งตําแหน่งเดิมเป็นเวลานานๆ อยู่แล้ว เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นหนึ่งใน
สาเหตุของอาการปวดตามข้อต่างๆ แม้ว่าคุณจะมีนั่งอยู่ในท่าทางที่สมดุล สบาย และอย่างดีที่สุด

เคล็ดลัดังต่อไปนี้จะช่วยให้ดียิ่งขึ้น

  • ใช้ประโยชน์จากเวลาพักทั้งหมดในการไปเดินเล่น ยืดเข่ง ยืดขาอย่างรวดเร็ว
  • ใช้เวลา 2-3 นาทีทุก ๆ ชั่วโมงเพื่อยืดขา แขน หลัง ข้อมือ และคอ
  • ลองทำการยืดกล้ามเนื้อเพื่อเป็นการออกกําลังกายง่ายๆ ที่สามารถทําได้ที่โต๊ะทํางานโดยไม่ต้องออกจากสํานักงาน
  • เปลี่ยนท่าทางทุกชั่วโมงเพื่อหลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้า และความเครียดของกล้ามเนื้อ
  • พักสายบ้าง

การจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละครั้งอาจทําให้ตาล้า ปวดหัว และเหนื่อยล้า ให้ใช้เวลาหนึ่งหรือสองนาทีในการละสายตาจากหน้าจอเพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อนจากแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถหลับตาหรือเพียงแค่มองข้ามห้อง และโฟกัสไปที่วัตถุอื่นๆ ก็สามารถยืดกล้ามเนื้อตาได้

ดื่มน้ําบ้างก็ดีนะ

ระหว่างการทำงานลองหาน้ำเพื่อจิบเป็นพักๆบ้าง เพราะต้องรักษากล้ามเนื้อ และอวัยวะให้ชุ่มชื้น การดื่มน้ําจะรู้สึกดีขึ้นในขณะที่ทำงาน และยังสามารถช่วยรักษาการไหลเวียนในระบบร่างกายได้ดี  ผู้ใหญ่ควรดื่มแปด 8 ออนซ์ แก้วน้ําต่อวัน ซึ่งเท่ากับประมาณครึ่งแกลลอน

กลุ่มอาการออฟฟิศซินที่พบบ่อยที่สุดที่ต้องระวัง

1.Carpal Tunnel Syndrome (CTS)

ส่งผลต่อมือ และข้อมือ เกิดขึ้นเมื่อเส้นประสาทที่ไหลจากปลายแขนไปยังมือ ทําให้เกิดอาการปวด ชา หรือรู้สึกเสียวซ่าที่มือ และนิ้ว

2.Trigger Finger

ภาวะที่เส้นเอ็นของนิ้วมือ และนิ้วหัวแม่มืออ่อนแอลง ทําให้นิ้ว อยู่ในตําแหน่งงอไม่แข็งแรง

3.อาการปวดหลังส่วนล่าง (Lower Back Pain)

ปวดหลังส่วนล่างเป็นปัญหาที่พบบ่อยในหมู่พนักงานออฟฟิศที่นั่งนานๆ เป็นระยะเวลายาวนาน และการรองรับหลังไม่เพียงพอ

4.ปวดข้อศอก (Tennis Elbow)

การใช้กล้ามเนื้อปลายแขน และข้อมือมากเกินไป เช่น เมื่อใช้เมาส์คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อศอกได้ โดยมีอาการปวด และกดเจ็บบริเวณด้านนอกของข้อศอก

5.อาการปวดตา

การจ้องมองที่หน้าจอเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการปวดตา ตาแห้ง มองเห็นภาพซ้อน และปวดศีรษะ

6.เอ็นอักเสบ

การระคายเคือง หรือการอักเสบของเส้นเอ็นนี้เกิดจากกิจกรรมซ้ำ เช่น การพิมพ์หรือการใช้เมาส์ อาจส่งผลให้รู้สึกไม่สบายได้

7. ปวดคอ และไหล่

การที่จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงอาจทำให้เกิดอาการปวดคอ และตึงได้

ตัวอย่างอาการที่เป็นไปได้ของ Office Syndrome

  • ปวดหลัง
  • ปวดไหล่
  • ปวดเข่า
  • ปวดคอ
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • อาการชาที่แขนขา (แขน เท้า และนิ้ว)
  • เอ็นอักเสบ
  • ตาแห้ง
  • ปวดหัว
  • อาการซึมเศร้า
  • นอนไม่หลับ
  • ความเหนื่อยล้า
  • ความเกียจคร้าน

ตัวเลือกการรักษาสําหรับกลุ่มอาการออฟฟิศ

หากกําลังมีอาการข้างต้น และสงสัยว่าอาจเป็นโรค Office Syndrome ขอแนะนําให้ไปพบแพทย์ เพราะอาจจะต้องทําการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อทำการวินิจฉัย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอาการด้วย โดยแพทย์อาจจะทำการวินิฉัยด้วยวิธีดังต่อไปนี้ อย่างน้อยหนึ่งอย่างด้วยกัน

  • เอ็กซ์เรย์
  • อัลตร้าซาวด์
  • การตรวจเลือด

ตัวอย่างแผนการรักษา แผนการรักษาจะขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ และประเภทของอาการที่เกิดขึ้น แพทย์ขอาจสั่งยา และทำก่รรักษาต่างๆต่อไปนี้

  • ยาแก้ปวด
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • กายภาพบําบัด
  • การบําบัดด้วยเลเซอร์

หรือการรักษาอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น

ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาขึ้นอยู่กับอาการ และส่วนของร่างกายที่ได้รับอาการบาดเจ็บเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นอาการออฟฟิศซินโดรมหรือไม่

หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับ อาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อยู่หรือไม่  อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย

The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :

ขอบคุณข้อมูลจาก :  Dtap clinic, Mynmc health

10/01/67 เวลา 03:47 น.