อาการปวดกล้ามเนื้อ และกระดูก หรือที่เรีกว่า “ออฟฟิศซินโดรม” หรือที่เรียกว่า desk syndrome หรือ computer-related musculoskeletal disorder (MSD) เป็นที่แพร่หลายในหมู่พนักงานออฟฟิศ ที่ใช้หน้าจอในที่ทํางานเป็นเวลา มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวันหรือ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อ และกระดูกที่เกี่ยวในระยะยาว ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ และกระดูกที่เกี่ยวข้องกับการทํางานของพนักงานออฟฟิศแสดงให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับลักษณะอาชีพ เช่น การนั่งในนานๆ หรือการนั่งที่ไม่เหมาะสม รวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ การใช้ชีวิตอยู่ประจํา และการออกกําลังกายในระดับที่ต่ำนั้น ก็มีผลที่เกี่ยวข้องกัน
ตัวช่วยเบื้องต้นสำหรับวิธีการแก้อาการออฟฟิศซินโดรมนั้น คือการออกกําลังกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของลำตัว และกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด คอ บ่า ไหล่ ข้อมือ หรือแขน ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำท่าบริหารสำหรับอาการออฟฟิศซินโดรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำท่าบริหารด้วยตัวเองก็ควรระมัดระวังด้วย
Table of Contents
Toggleท่าบริหาร บอกลา อาการออฟฟิศซินโดรมที่ทำได้ที่ออฟฟิศ
ท่าบริหารต่อไปนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการออฟฟิศซินโดรม หรือ WFH ได้ ซึ่งสามารถทำได้ที่เก้าอี้ของตัวเอง ใช้พื้นที่ไม่มาก และใช้เวลาไม่นานมากนัก
ท่าบริหารส่วนคอ
การยืดคอสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ความเหนื่อยล้า และกล้ามเนื้อคอได้ ท่าบริหารต่อไปนี้จะช่วย บรรเทาความเจ็บปวดได้
1.ยืดคอ (Neck Stretch)
- นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หันศีรษะตรงไปข้างหน้า ให้ไหล่ผ่อนคลาย
- วางแขนซ้ายไว้ด้านหลัง เอียงศีรษะไปทางไหล่ขวาเท่าที่สบาย รู้สึกถึงการยืดที่ด้านซ้ายของคอ
- ค้างไว้ 5 วินาที สามารถทําได้ถึง 15 ถึง 30 วินาที
- ทําซ้ำอีกด้านหนึ่ง โดยจับเก้าอี้ไว้ด้วยมือขวาแล้วเอียงศีรษะไปทางไหล่ซ้าย
- หากต้องการเพิ่มความยืดหยุ่น ให้ใช้มือค่อยๆ ดึงคอเข้าหาไหล่
2. ยืดคอในแนวทแยง (Diagonal Neck Stretch)
- นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หันหน้าตรงไปข้างหน้า ให้ผ่อนคลายไหล่
- หันศีรษะไปทางซ้ายเล็กน้อย
- เอียงศีรษะในแนวทแยงมุมไปทางหน้าอกเท่าที่สบาย (สามารถใช้มือดึงศีรษะไปข้างหน้าในแนวทแยงเบา ๆ หากคุณต้องการยืดเพิ่มเติม)
- ค้างไว้ 15 ถึง 30 วินาที
- ทําซ้ำโดยเอียงศีรษะในแนวทแยงมุมไปทางหน้าอกทางด้านขวา
- ทําซ้ำอีกด้านหนึ่ง สามารถทำได้ด้าน 2-4 ครั้ง
ท่ายืดไหล่
การออกกำลังกายสามารถที่ไหล่สามารถช่วยป้องกันอาการปวดไหล่ได้ เป็นผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดไหล่เนื่องจากการนั่งเป็นเวลานาน
1.Desk angels
- นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ วางแขนให้อยู่ในระดับไหล่โดยงอข้อศอก 90 องศา
- รักษาศีรษะ และลำตัวให้อยู่กับที่ ค่อยๆ ขยับแขนเหนือศีรษะ เอื้อมมือขึ้นไปบนเพดาน พยายามให้แขนอยู่ในแนวเดียวกับหูขณะที่ขยับขึ้นไปบนเพดาน และค่อยๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ควรรู้สึกตึงบริเวณกลางหลัง ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายกระดูกสันหลัง
- ทำซ้ำ 10 ครั้ง
2.ท่าม้วนไหล่ (Shoulder Roll)
- ยืนโดยให้หลังตรง และเท้าห่างกัน
- ห้อยแขนไปด้านข้าง
- หายใจเข้าลึก ๆ และยกไหล่ขึ้นเพื่อค่อยๆ หมุน
- ขยับไหล่กลับขณะยกเพื่อเป็นการบีบกล้ามเนื้อสะบักเข้าด้วยกัน
- หายใจออก และลดไหล่ลง
- ขยับไหล่ไปข้างหน้าแล้วจะรู้สึกยืดไปตามด้านหลังของสะบัก
- ทําซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าบริหารส่วนหลัง ( Back stretches)
การเหยียดหลังในออฟฟิศสามารถช่วยบรรเทาความตึงเครียด และความรู้สึกไม่สบายที่มักเกิดจากการนั่งเป็นเวลานานได้
1.ยืดเหยียดแมว-วัวนั่ง (Seated Cat-Cow Stretch)
- นั่งตัวตรงบนเก้าอี้โดยให้เท้าราบกับพื้น
- วางมือบนเข่า
- หายใจเข้าขณะที่โค้งหลัง ยกหน้าอก และคางขึ้นพร้อมดันไหล่ไปด้านหลัง (ท่าวัว)
- หายใจออกขณะที่งอหลัง จับคางไว้ที่หน้าอกแล้วดันหลังไปทางเก้าอี้ (ท่าแมว)
- ทำซ้ำลำดับนี้หลาย ๆ ครั้งโดยเคลื่อนไหวตามลมหายใจ
2.ท่านั่งพับไปข้างหน้า (Seated Forward Fold)
- นั่งที่ขอบเก้าอี้โดยให้เท้าราบกับพื้น
- ให้หลังตรงขณะงอสะโพก และโน้มตัวไปข้างหน้า โดยเอื้อมมือไปทางเท้าหรือพื้น
- ยืดเหยียดนี้ค้างไว้ 15-30 วินาทีขณะหายใจลึกๆ
- ค่อยๆ กลับไปสู่ท่าตั้งตรง
3.ท่าบิด (Chair Twist)
- นั่งบนเก้าอี้โดยวางเท้าราบกับพื้น
- วางมือบนพนักพิงหรือที่วางแขนเพื่อรองรับ
- หายใจเข้า และยืดกระดูกสันหลังให้รู้สึกว่ายาวขึ้น
- หายใจออกพร้อมบิดลำตัวไปข้างหนึ่งโดยใช้มือเพื่อยกระดับ
- ค้างไว้ 15-30 วินาที จากนั้นกลับมาที่กึ่งกลาง และทำซ้ำอีกข้างหนึ่ง
ท่ายืดข้อมือ (Wrist stretches)
การเหยียดข้อมือถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพิมพ์ หรือใช้คอมพิวเตอร์ เพราะทำฝห้ข้อมือ หรือนิ้วรู้สึกตึงได้ การยืดข้อมือจะช่วยบรรเทาความตึงเครียด และช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของข้อมือได้
1.การยืดกล้ามเนื้อข้อมือ (Wrist Flexor Stretch)
- เหยียดแขนขวาไปด้านหน้าโดยหงายฝ่ามือขึ้น
- ใช้มือซ้ายค่อยๆ ดึงนิ้วขวา และฝ่ามือลง
- ค้างท่ายืดไว้ 15-30 วินาที
- ทำซ้ำด้วยมืออีกข้าง
2.หมุนข้อมือ (Wrist Circles)
- นำแขนขวาไว้ข้างหน้าในระดับไหล่
- หุบนิ้วโป้งเบาๆ แล้วหมุนข้อมือเป็นวงกลม ตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกา
- หมุนมือเป็นวงกลม 10-15 วงในแต่ละทิศทาง
- ทำซ้ำด้วยมืออีกข้าง
ท่าบริหาร บอกลา อาการออฟฟิศซินโดรมที่ทำได้ที่บ้าน
ท่าบริหารส่วนคอ
1.การหมุนคอ (Neck Rotation)
- นั่ง ยืน หรือนอนราบบ โดยหันศีรษะไปข้างหน้า
- หันศีรษะไปทางซ้ายช้าๆ เท่าที่สบาย รู้สึกถึงการยืดที่ฝั่งตรงข้ามของคอ
- ค้างไว้ 2 วินาที
- หันศีรษะไปข้างหน้าอีกครั้ง และพักสักครู่
- ทําซ้ำ หันศีรษะไปทางขวาอย่างช้าๆ
- ทําซ้ำในแต่ละด้าน 10 ถึง 15 ครั้ง
ท่ายืดไหล่
1.Arm-Across-Chest Stretch
- ใช้มือซ้ายจับข้อศอกขวาแล้วดึงแขนขวาข้ามหน้าอกไปทางแขนซ้าย
- ค้างไว้เป็นเวลา 30 ถึง 60 วินาที และรู้สึกยืดที่ไหล่ และต้นแขน
- ทําซ้ำกับแขนอีกข้าง ทําทั้งสองด้าน 3-5ครั้ง
2.Wall Angels
- ยืนโดยให้เท้าห่างจากผนังประมาณ 6–8 นิ้ว (ประมาณ 15–20 ซม.) วางก้น หลัง ไหล่ และศีรษะชิดผนัง
- เหน็บคางเล็กน้อย พยายามให้หลังศีรษะสัมผัสกับผนัง หากศีรษะติดกำแพงได้ยาก ให้ลองวางหมอนใบเล็กไว้ด้านหลังศีรษะ
- จากนั้น เหยียดแขนขึ้นตรงๆ แล้ววางไว้บนผนังเหนือศีรษะ โดยเล็งให้หลังมือแตะผนังในตำแหน่ง “V”
- จากนั้นเริ่มงอข้อศอกขณะที่เลื่อนมือลงไปตามผนังจนกระทั่งมืออยู่เหนือไหล่ ในขณะเดียวกัน ให้ศีรษะ ลำตัว และก้นชิดผนัง
- ลดระดับลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่รักษาท่าทางไว้ให้ดี ให้กดค้างไว้โดยนับ 1- 5 ก่อนกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้น “V”
- ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
ท่าบริหารส่วนหลัง ( Back stretches)
1.ท่าเด็ก (Child’s Pose)
- เริ่มจากมือ และเข่าโดยให้ข้อมืออยู่ใต้ไหล่และเข่าอยู่ใต้สะโพก
- นั่งลงบนส้นเท้า ยื่นแขนไปข้างหน้า และลดหน้าอกลงกับพื้น
- ค้างไว้ 20-30 วินาที หายใจลึกๆ และผ่อนคลายตามการยืดเหยียด
ท่ายืดข้อมือ (Wrist stretches)
Backward-facing wrist stretch
- เริ่มต้นด้วยการนั่งในท่าที่สบายโดยให้หลังตรง และผ่อนคลายไหล่
- เหยียดแขนขวาไปด้านหน้า ที่ระดับไหล่โดยให้ฝ่ามือคว่ำลง
- งอข้อมือลงเพื่อให้นิ้วชี้ไปที่พื้น นิ้วควรตรง และไม่งอ
- ยืดเหยียดค้างไว้ 15-30 วินาที โดยยังคงรักษาลมหายใจที่ผ่อนคลาย และมั่นคง
- ยืดเหยียดค้างไว้ 15-30 วินาที
ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัยเมื่อทำกายบริหารด้วยตัวเอง
การออกกําลังกายการออกกำลังกายที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ทำให้บรรเทาไม่ให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้ แต่ก็ควรระวังเรื่องการเคลื่อนไหว และพยามหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่บิด หรือตึงหลังเกินไป คนที่ทำไม่ระมัดระวัง หรือเกินแรงก็อาจทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม
เหตุผลดีๆเมื่อปวดหลังส่วนล่าง แล้วควรไปพบแพทย์
เนื่องด้วยการทำท่าออกกำลังกายเองอาจจะเกิดอันตราย จากการบิดผิดท่าผิดทาง ซึ่งบางคนอาจเกิดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ ที่ไม่ได้เกิดจากอาการออฟฟิศซินโดรม อาจเกิดจากอุบัติเหตุโดยไม่รู้ตัว หรือการบาดเจ็บต่างๆได้ และไม่สามารถประเมิณการบาดเจ็บด้วยตนเองได้ ดังนั้นแล้วควรพบแพทย์เพื่อวินิฉัย และทำโปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะบุคคลที่ดูแลโดยนักกายภาพบำบัด เพราะนักกายภาพบําบัด ออกแบบการท่าทางกายภาพบำบัด เพื่อผู้สนับสนุนการเสริมสร้างความแข็งแรงของอาการปวดต่างๆได้ นอกจากนี้นักกายภาพบําบัดสามารถช่วยปรับการเคลื่อนไหวในกิจกรรมประจําวัน และปรับปรุงลักษณะเมื่อของการออกกําลังกาย
หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับอาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อยู่หรือไม่ อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย
The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :
- ที่ตั้ง : 388 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (https://goo.gl/maps/sbT1J8wUKgy4mQPF8)
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 19.00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 094-694-9563
- Line OA : @thecommonsclinic
- Facebook : The Commons Clinic – คลินิกเฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู และ กายภาพบำบัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Very well health