เรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนมองข้ามเกี่ยวกับการยกของหนัก การยกของหนักเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อที่หลังตึง เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อเสียหาย เป็นผลทำให้เกิดอาการเจ็บ เคล็ดขัดยอก กล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ หรืออาจนำไปสู่ หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ กระดูกสันหลังส่วนล่างเจ็บปวด ดังนั้นการไม่ระวังในการยกของหนักอาจทำให้เกิดการเอี้ยวตัวที่ผิดท่าผิดทาง การงอตัวมากเกินไป การยกหนักแบบเดิมซ้ำๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อหลัง และอาจส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด และการบาดเจ็บ เพราะการยืดกล้ามเนื้อที่มากเกินไป หรือทำซ้ำๆมากเกินไป หรือออกแรงมากเกินโดยไม่คำนึงถึงร่างกาย ก็จะทำให้กล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ และเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ด้วย
คนส่วนใหญ่นั้น จะมีอาการปวดหลังที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึง หรือฉีกขาดที่หลัง เพราะบริเณหลังจะมีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่รองรับร่างกายส่วนบนของเรา เพื่อให้ความแข็งแรงในช่วยขยับคอ ไหล่ และแขน การทำกิจกรรมที่ดึง หรือรัด กล้ามเนื้อเกินไปนั้น อาจทําให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง และได้รับบาดเจ็บเฉียบอย่างฉับพลัน หรือการใช้กล้ามเนื้อหลังตึงที่เกิดจากการใช้มากเกินไปอาจทําให้เกิดอาการปวด และปวดเรื้อรังที่อาจส่งผลต่อกิจกรรมประจําวันได้
ซึ่งการยกของหนักแบบผิดวิธีไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่หลังเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย เช่น คอ บ่า ไหล่ รวมไปถึงอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของเพศหญิงได้เช่นกัน บทความนี้จะแนะนำวิธียกของหนักอย่างถูกต้อง และวิธีการรักษาอาการของกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ
Table of Contents
Toggleมาทำความรู้จักกับโรคกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบคืออะไร
กล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ เกิดจากการใช้งานที่มากเกินไป ทำให้มีลักษณะการอักเสบ หรือบวมของเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ การอักเสบนี้อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรง ปวด เจ็บ และใช้งานกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดไม่ได้มาก ซึ่งอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนั้น เป็นอาการเริ่มต้นของการอักเสบเท่านั้น การได้รับบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเราสามารถสังเกตได้จากกล้ามเนื้อที่ตึง ปวด ร้อนชา จากการออกกำลังกาย หรือ จาการทำงานหนัก ซึ่งอาการปวดเมื่อย ของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆแย่ลงเมื่อปล่อยผ่านไปหลายสัปดาห์ อาจจะส่งผลต่อกลุ่มกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั้งหลาย เช่น คอ หัวไหล่ และสะโพก ปวดร่วมด้วย
กล้ามเนื้อที่หลังอักเสบมีอาการบ่งชี้อะไรบ้าง?
สำหรับอาการต่างๆ ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ และสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้
- รู้สึกเสียวซ่าหรือชาที่หลัง แขน หรือขา
- มีอาการบวมบริเวณบริเวณที่บาดเจ็บ
- กล้ามเนื้อมีอาการเกร็งตัวขึ้นมาอย่างผิดปกติ
- ไม่สามารถขยับหลังได้ปกติ
- ก้มตัว แอ่นตัว หรือบิดตัว มีความรู้สึกเจ็บ และลำบาก
- กล้ามเนื้อกระตุก
- ซึ่งบางครั้งอาจมาพร้อมกับไข้
แนะนำวิธีการยกของหนักจะได้ไม่เป็นภาระของหลัง
1.ประเมินน้ำหนักก่อน
ก่อนยกให้ประเมินน้ำหนัก และขนาดของวัตถุ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถจัดการได้ ด้วยตนเองหรือไม่ และตรวจสอบว่าต้องการใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงช่วยหรือไม่
2.ท่าทางที่เหมาะสมในการยก
แนะนำการยอกของที่เหมาะสม คือให้ยืนใกล้กับวัตถุโดยให้เท้าแยกจากกันประมาณช่วงไหล่เพื่อเป็นฐานที่มั่นคง งอสะโพก และเข่าแทนที่จะงอหลัง รักษาหลังให้ตรง และตั้งขึ้น
3.บริหารแกนกลางลำตัว
ก่อนยกของลองทำกายบริหารเพื่อเตรียมพร้อมให้กล้ามเนื้อหลังรองรับเป็นพิเศษ สิ่งนี้ทำให้แกนกลางลำตัวของมั่นคง พร้อมใช้งาน และช่วยหลีกเลี่ยงความเครียดตึงที่กระดูกสันหลังมากเกินไป
4.หลีกเลี่ยงการเอี้ยวตัว
พยายามอย่าบิดตัวขณะถือของหนัก ให้หมุนเท้าเพื่อเปลี่ยนทิศทางแทน
5.ใช้แรงกล้ามเนื้อขา
ยืดลำตัวขึ้นช้าๆโดยใช้แรงกล้ามเนื้อขาค่อยๆดันตัวขึ้น และควรใช้กล้ามเนื้อหลังให้น้อยที่สุดในการยกของ
การวินิจฉัยอาการกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบเป็นอย่างไร?
การวินิจฉัยกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบมักจะเริ่มด้วยการประเมินอาการ สอบถามเกี่ยวกับประวัติการเจ็บปวดเพิ่มเติมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นจะมีการวินิฉัยเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
1.เอ็กซเรย์
เพื่อสามารถระบุสาเหตุการเกิดโรคได้ถูกต้องบนภาพฟิล์ม
2.CT scan
การทดสอบภาพที่ใช้ X-rays และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพในแนวระนาบต่างๆ ของร่างกาย โดย CT scan จะแสดงภาพโดยละเอียดของส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย รวมถึงกระดูก และจะมีรายละเอียดมากกว่า X-rays ทั่วไป
3.MRI
เป็นการทดสอบที่ใช้แม่เหล็กขนาดใหญ่ และคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพรายละเอียดของอวัยวะ และโครงสร้างในร่างกาย
4.Electromyography (EMG)
เพื่อทดสอบเส้นประสาท และกล้ามเนื้อ และตรวจสอบ
แนวทางการรักษาอาการปวดหลังส่วนล่าง
อาการปวดหลังส่วนล่างมักจะดีขึ้นด้วยการพักผ่อน และยาแก้ปวด หลังจากพักผ่อน2 – 3 วัน สามารถ แต่ถ้ามีอาการหนัก และปวดหลังเรื้อรัง ก็จะรักษาตามอาการดังนี้
- กายภาพบําบัด นักกายภาพบำบัดจะกำหนดท่าที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้สามารถรองรับกระดูกสันหลังได้ นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
- การฉีดยา เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบ
- การผ่าตัดการบาดเจ็บที่มีอาการหนัก อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย เพื่อช่วยอาการปวดหลังส่วนล่างให้ดียิ่งขึ้น
- รักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS หรือ Peripheral Magnetic Stimulation เป็นการกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อกระตุ้นให้มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดลงอย่างรวดเร็ว
- เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique) การรักษาแบบหัตถการโดยการใช้มือ ดึง ดัด จัดกระดูก และข้อต่อต่าง ๆ เพื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- การทำช็อคเวฟ (Shock Wave) เป็นการส่งคลื่นกระแทกที่เกิดจากแรงอัดอากาศปริมาณสูงไปยังบริเวณที่มีอาการปวดเรื้อรัง โดยคลื่นกระแทกจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ เกิดกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นใหม่อีกครั้ง พร้อม ๆ กับลดปริมาณของสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณเจ็บปวด
กล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ – ควรไปพบแพทย์เมื่อใด
กล้ามเนื้อหลังที่หลังอักเสบอาการปวดหลังส่วนใหญ่ค่อยๆ ดีขึ้นด้วยการรักษาที่บ้าน และการดูแลด้วยตนเอง ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์
- มีอาการนานกว่าสองสามสัปดาห์
- รุนแรง และไม่ดีขึ้นด้วยการพักผ่อน
- อ่อนแรง ชา หรือรู้สึกเสียวซ่าที่ขาข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- ปวดอย่างรุนแรง หรือกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรุนแรง
- มีไข้ น้ําหนักลดโดยไม่สามารถอธิบายได้
อาการปวดหลังส่วนล่าง มาพร้อมกับความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวที่จํากัด และส่งผลต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่สามารถหลีกเลี่ยงอาการปวดหลังส่วนล่างได้โดยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางการรักษาให้ดีขึ้น
เวลาพักฟื้นสําหรับกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ
เวลาในการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบขึ้นอยู่กับความเสียหายของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ แต่จะมีระยะเวลาพักฟื้นดังนี้
- กล้ามเนื้อหลังตึงเล็กน้อยควรหายใน 2-3 สัปดาห์
- มีอาการอย่างรุนแรง อาจใช้เวลาระหว่าง 2 ถึง 3 เดือนในการรักษาให้หายสนิท และปราศจากความเจ็บปวด
- การฉีกขาดของกล้ามเนื้อที่หลังที่มีอาการรุนแรงนั้น อาจต้องผ่าตัดเพื่อยึดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น
หากคุณกำลังเผชิญกับอาการของโรคปวดหลังส่วนล่างอย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมายเข้ามาทำกายภาพบำบัดที่ thecommonsclinic.com ได้เลย
เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :
- ที่ตั้ง : 388 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (https://goo.gl/maps/sbT1J8wUKgy4mQPF8)
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 19.00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 094-694-9563
- Line OA : @thecommonsclinic
- Facebook : The Commons Clinic – คลินิกเฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู และ กายภาพบำบัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Healthyandnaturalworld, Verywellhealth