
หลายๆคนคงเคยเจอกับอาการปวดหลัง ราวกับถูกไฟฟ้าช็อตแผ่กระจายไปทั่วแผ่นหลัง และรู้สึกถึงอาการปวดหลังส่วนล่าง ไม่สบายไปทั่วตัว และไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด สิ่งสําคัญที่สุดคือต้องรู้ให้ได้ว่าอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อตนั้นสาเหตุเกิดจากอะไรเพื่อที่จะได้ทำการวินิจฉัย และการรักษาให้ถูกต้อง แม้ว่าอาการปวดหลังส่วนล่างจะไม่สบายตัว แต่อาการที่ปวดหลังแบบไฟฟ้าช็อตอาจเป็นสัญญาณของบางสิ่งที่ร้ายแรงกว่า และไม่ควรละเลย
อาการปวดหลังที่รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอาจเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงหมอนรองกระดูกเคลื่อน หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หมอนรองกระดเคลื่อนที่ ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ หรือกระดูกสันหลังตีบ ซึ่งอาจมาพร้อมกับการรู้สึกเสียวซ่า ชา หรือความรู้สึกไม่สบายตัวในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
ในบทความนี้ The Commons Clinic จะมาบอกว่าทําไมความรู้สึกทางไฟฟ้าที่หลังอาจเป็นปัญหาที่ลึกกว่านั้น และวิธีจัดการกับความรู้สึกไม่สบายอย่างเหมาะสมก่อนที่จะแย่ลงไปอีก
Table of Contents
Toggleสาเหตุของอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อต
อาการปวดหลังที่รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่โดยทั่วไปนั้นจะเกี่ยวข้องดังนี้
1.การกดทับของเส้นประสาท หรือการอักเสบระคายเคือง
สภาวะต่างๆ เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน ปวดหลังส่วนล่าง กระดูกสันหลังตีบ หรืออาการปวดตะโพก อาจส่งผลให้เกิดการกดทับของเส้นประสาท หรือการระคายเคือง สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต รู้สึกเสียวซ่า หรือมีความรู้สึกคล้ายไฟฟ้าช็อตตามแนวเส้นประสาทที่ได้รับผลกระท
2.กล้ามเนื้อกระตุก หรือตึง
กล้ามเนื้อหลังกระตุกอย่างรุนแรงอย่างกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างเฉียบพลันจนรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความเครียดของกล้ามเนื้อหรือการบาดเจ็บ
3.ความเสื่อมต่างๆ
เช่น โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือข้ออักเสบ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระดูกสันหลังเมื่อเวลาผ่านไป นำไปสู่การกดทับของเส้นประสาท และอาการปวดเฉียบพลันที่ตามมา
4.อาการปวดสะโพก
เส้นประสาท sciatic ซึ่งวิ่งจากหลังส่วนล่างลงขาแต่ละข้าง อาจจะมีการอักแสบระคายเคือง ส่งผลให้ปวดเหมือนไฟฟ้าช็อตที่หลังส่วนล่าง และขาได้
5.การบาดเจ็บหรือการบาดเจ็บ
อุบัติเหตุ การหกล้ม หรือการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อหลัง กระดูกสันหลัง หรือเส้นประสาท อาจทำให้เกิดความรู้สึกคล้ายไฟฟ้าช็อตอย่างกะทันหันเนื่องจากความเสียหายของเส้นประสาทหรือการระคายเคือง
6.การติดเชื้อหรือการอักเสบ
การติดเชื้อที่กระดูกสันหลังหรือเนื้อเยื่อรอบข้าง รวมถึงสภาวะการอักเสบ เช่น โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรง
7.โรคไขข้ออักเสบ
โรคไขข้ออักเสบ (Arachnoiditis) เป็นภาวะความเจ็บปวดของกระดูกสันหลัง มันเกี่ยวข้องกับการอักเสบของเยื่อหุ้มสามชั้นที่ล้อมรอบ และเส้นประสาทของไขสันหลัง ความเสียหายต่อเส้นประสาทอาจทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดอย่างรุนแรง ปวดศีรษะรุนแรง รู้สึกชา เสียวซ่า และเคลื่อนไหวลำบาก
8.ความผันผวนของฮอร์โมนในผู้หญิง
ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนในช่วงวัยหมดประจําเดือนทําให้เกิดอาการปวดหลังแบบช็อตได้
ยืดเส้นยืดสายป้องกันอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อต
การยืดเส้นยืดสายของกล้ามเนื้อ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง และเสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบหลังส่วนล่างของร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในบริเวณหลัง และข้อเข่าเรียงตัวได้อย่างเหมาะสม อาจช่วยลดการตึงเครียด และอาการปวดหลังที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อในท่าทางต่างๆ ซึ่งสามารถทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น และแข็งแรงได้ดีขึ้นนอกจากนี้ยังสามารถลดอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อตได้อีกด้วย
วิธีการยืดเส้นยืดสายเช่น โยคะ พิลาทิส และการออกกําลังกายแบบ low-impact อื่น ๆ เพราะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หรือการออกกําลังกายด้วยลูกบอล ยังช่วยให้บรรเทาการกดทับแผ่นดิสก์ได้อีกด้วย
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
การเพิ่มประสิทธิภาพอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จําเป็นต่อสุขภาพ และกระดูกเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ป้องกัน การรักษาสุขภาพหลังให้แข็งแรง และป้องกันอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อต
ตัวอย่างเช่น แคลเซียม – ที่พบในผลิตภัณฑ์นม ผักใบเขียวเข้ม พืชตระกูลถั่ว และถั่วเหลือง
แนวทางการรักษาสำหรับอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อต
1.กายภาพบําบัด
แพทย์จะแนะนำการทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดจะกำหนดท่าที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้สามารถรองรับกระดูกสันหลังได้ นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
2.การฉีด
แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในบริเวณที่เกิดอาการปวด เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบ
3.การผ่าตัด
การบาดเจ็บที่มีอาการหนัก อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย เพื่อช่วยอาการปวดหลังส่วนล่างให้ดียิ่งขึ้น
4.รักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS
หรือ Peripheral Magnetic Stimulation เป็นการกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง ส่งผ่านเสื้อผ้าลงไปจนถึงเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร และเป็นบริเวณที่การนวดตัวไม่สามารถช่วยได้ เพื่อกระตุ้นให้มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดลงอย่างรวดเร็ว
5.เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique)
เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique) คือ การรักษาแบบหัตถการโดยการใช้มือ ดึง ดัด จัดกระดูก และข้อต่อต่าง ๆ เพื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
6.การทำกายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก หรือ เครื่องช็อคเวฟ (Shock Wave)
กายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก เป็นการส่งคลื่นกระแทกที่เกิดจากแรงอัดอากาศปริมาณสูงไปยังบริเวณที่มีอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีก้อนกล้ามเนื้อ และพังผืดที่แข็งเกร็ง โดยคลื่นกระแทกจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ เกิดกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นใหม่อีกครั้ง พร้อม ๆ กับลดปริมาณของสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณเจ็บปวด
7.การรักษาด้วยไคโรแพรคติก (Chiropractic)
การรักษาด้วยไคโรแพรคติก หรือที่เรียกว่าการจัดกระดูก ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถช่วยปรับกระดูกสันหลังใหม่ บรรเทาแรงกดบนเส้นประสาท และลดอาการปวด
หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับอาการปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อตอยู่ อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย
The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :
- ที่ตั้ง : 388 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (https://goo.gl/maps/sbT1J8wUKgy4mQPF8)
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 19.00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 094-694-9563
- Line OA : @thecommonsclinic
- Facebook : The Commons Clinic – คลินิกเฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู และ กายภาพบำบัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Axialchairs, Menopausenow