อาการวัยว้าวุ่นยอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศ หรือที่เรียกว่า “ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” เป็นคำที่ใช้อธิบายกลุ่มอาการที่พบบ่อยในกลุ่มคนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมในสำนักงาน หรืองานที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน และทำงานซ้ำๆ และท่านั่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หรือนิสัยการทํางานในสภาพแวดล้อมสํานักงานที่ไม่เหมาะสมต่อการทำงาน เนื่องจากงานสมัยใหม่นั้นเกี่ยวข้องกับงาน desk-based มากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา

รู้จักกับออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

คำว่า ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” ไม่ได้ถือว่าเป็นโรค แต่หมายถึงกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับท่านั่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยทั่วไปแล้วออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับพนักงานออฟฟิศประมาณ 60-70% ส่วนใหญ่กลุ่มอาการนี้จะเกิดมากที่สุดภายในวัยทํางานในกลุ่มอายุ 30-55 ปี เพราะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการทำงานในสำนักงานเป็นเวลานาน และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนโต๊ะทำงาน หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงในที่ทำงานโดยแทบจะไม่มีการขยับตัว และปรับเปลี่ยนอิริยาบถใด ๆ เมื่อมองแวบแรก อาจจะไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวิถีชีวิตเช่นนี้ แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข ออฟฟิศซินโดรม อาจนําไปสู่ปัญหาร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลัง

อะไรคือสาเหตุของ Office Syndrome

  • การนั่งนานๆ และท่าทางการนั่งที่ไม่ถูกต้อง การนั่งนานๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนท่าทาง หรือขยับตัวระหว่างชั่วโมงการทำงานสามารถเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ เพราะทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึง และกล้ามเนื้ออักเสบได้ ด้วยอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ และปวดไหล่
  • สภาพแวดล้อมในการทํางาน ที่ไม่ดีเป็นสาเหตุสําคัญของ Office Syndrome เพราะความสูงของโต๊ะ ตําแหน่งของคอมพิวเตอร์ และคีย์บอร์ด ทำให้ไม่สะดวกเพียงพอต่อการนั่งท่าปกติได้ ทำให้ต้องนั่งท่าที่ผิดปกติ เช่นการก้มตัว งอตัว ทําให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื้อง และส่งผลให้กล้ามเนื้อแกนกลางอ่อนแอลง และมีผลกระทบต่อการตึงเครียดของกล้ามเนื้ออื่นๆด้วย ทำให้มีอาการเจ็บปวด และอักเสบของกล้ามเนื้อ

อาการแบบไหนที่เข้าข่ายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม

  • ความเจ็บปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งส่วนใหญ่เริ่มจากคอ บ่า ไหล่ และหลัง รวมไปถึงการรู้สึกปวดข้อมือ มือ ข้อศอก และหัวเข่าด้วย
  • มือชา นิ้วล็อค ปวดข้อมือ เอ็นอักเสบ เพราะเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ และจับเมาส์ในท่าเดิมๆ ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณมือ หรือนิ้วมือ (De Quervain’s disease) อักเสบได้
  • อาการตาแห้ง และเหนื่อยล้า เพราะเกิดจากการจ้องนานๆ ที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดของดวงตา
  • เวียนศรีษะ Office Syndrome อาจเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวเนื่องจากความเครียด

วิธีจัดการกับ Office Syndrome

การจัดการกับ Office Syndrome เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ ในสถานที่ทำงานหรือสำนักงานที่ต้องนั่งนานๆ โดยไม่เปลี่ยท่านั้ง และนี้คือวิธีการจัดการ Office Syndrome เบื้องต้น

1.ปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง และตรวจสอบที่นั่งให้ดี

โดยใช้เก้าอี้ที่สามารถรองรับร่างกายได้ดี และเก้าอี้ควรมีพนักพิงที่มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับหลังส่วนบน และส่วนล่างได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ต้องนั่งให้เท้าราบกับพื้น และหลีกเลี่ยงการไขว้ข้อเท้า หรือขา 

 

2.หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรดูให้ดี

หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ให้ต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย และหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างเพียงแขนเดียว  

 

3.ใช้คีย์บอร์ด และเมาส์ที่ถูกต้อง

การใช้คีย์บอร์ด และเมาส์เพื่อลดความตึง เกร็งในข้อมือ มือ และข้อศอกควรวางอยู่บนโต๊ะได้อย่างสบายพอดี

4.เปลี่ยนท่านั่งอย่างสม่ำเสมอ

การปรับเปลี่ยนท่านั่งเพื่อรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และเยื่อพังผืด หากนั่งในท่าเดียวกันนานเกินไป อาจเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ลองเปลี่ยนท่านั่งทุกๆ 1-2 ชั่วโมง  ซึ่งจะช่วยป้องกันการงอของกล้ามเนื้อ และอาการเมื่อย นอกจากนี้ไม่ควรนั่งบนขอบที่นั่ง และเปลี่ยนมุมที่นั่งเป็นระยะๆ ด้วย

5.พักสายตาจากหน้าจอ

ในทุกๆ 1 ชั่วโมง เช่นกระพริบตาอย่างรวดเร็ว หรือหลับตา เพียง 5 นาที ก็จะช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา และความแห้งของดวงตาได้ หรือถ้าเป็นไปได้ให้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และรับแสงสว่างจากธรรมชาติ นอกจากนี้ควรจัดแสงสว่างในพื้นที่ทำงานให้เหมาะสม เพื่อลดอาการตาอ้อนล้า และแห้ง

6.การออกกำลังกาย

ขอแนะนําให้ออกกําลังกาย 30 นาทีขึ้นไป 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจจะมุ่งเน้นไปที่การออกกําลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางของกระดูก

7.การใช้ช่วงเวลาหยุดพัก

การใช้ช่วงเวลาพักให้มีประสิทธิภาพโดยการออกไปยืดเส้นยืดสาย หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย

8.ใช้อุปกรณ์ที่ช่วย

เช่น หมอนรองเอวเพื่อช่วยบรรเทาแรงกดที่ส่วนล่าง การใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการรับน้ำหนัก หรือในการปรับท่าทางการนั่ง จะเป็นตัวช่วยเพื่อช่วยบรรเทาอาการของ Office Syndrome ได้อย่างดี

อาการคืออะไร?

  • ปวดคอ บ่า ไหล่ และหลัง กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมมักนำไปสู่ความเจ็บปวดแ ละไม่สบายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะคอ ไหล่ หลังส่วนบน และปวกหลังล่าง รวมถึงการปวดข้อมือ และมือ ซึ่งการนั่งเป็นเวลานาน และท่าทางที่ไม่ดีสามารถสร้างความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ และความเครียดในบริเวณเหล่านี้ ทําให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัว
  • การเคลื่อนไหวที่จํากัด การนั่งเป็นเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวอาจทําให้กล้ามเนื้อ และข้อต่อตึงได้ ความฝืด ความดึงนี้สามารถจํากัดการเคลื่อนไหวของคุณได้ 
  • อาการชา หรือรู้สึกเสียวซ่า การทำงานซ้ำๆ เช่น การพิมพ์ และการใช้เมาส์อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ หรือชาได้เช่นกัน
  • ตาแห้ง และอาการตาอักเสบ การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ อาจทำให้ตาแห้ง และมีอาการตาอักเสบรว่มด้วยเนื่องจากการจ้องจอนานๆ

ตัวเลือกการรักษาสําหรับกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

วิธีการรักษาจะแตกต่างอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่ระดับของอาการ ซึ่งถ้ากำลังประสบปัญหากับอาการออฟฟิศซินโดรม แนะนำให้ไปพบแพทย์ซึ่งแพทย์จะทำการวินิฉัยเพิ่มเติม

ขอบเขตการรักษาซึ่งขึ้นอยู่กับระดับของอาการมีดังต่อไปนี้:

  • เอ็กซเรย์
  • อัลตร้าซาวด์สแกน
  • การตรวจเลือด

แผนการรักษายังขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ หรือประเภทของอาการซึ่งแพทย์จะทำการรักษาดังต่อไปนี้ 

หรือมีวิธีทางเลือกการบำบัดเช่น:

  • การฝังเข็ม
  • การบําบัดด้วยไฟฟ้า
  • การบําบัดด้วย Trigger point 
  • การบําบัดด้ว Shock wave
  • เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique)

หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับ อาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อยู่หรือไม่  อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย

The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :

ขอบคุณข้อมูลจาก : Dtap clinic, Vital mediclinic

5/01/67 เวลา 19:56 น.