รู้จักประเภทการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา พร้อมวิธีรักษาอย่างถูกต้อง
การออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากปฏิบัติไม่ถูกวิธีก็อาจนำมาซึ่งการบาดเจ็บได้ เพื่อให้คุณสามารถออกกำลังกายและเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข The Commons Clinic คลินิกกายภาพบำบัด จะพาไปรู้จักกับประเภทของการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบบ่อย พร้อมแนะนำวิธีรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาตามหลัก RICE และวิธีป้องกันอย่างเหมาะสมเอง จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันเลย!
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา มีกี่ระดับ?
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ดังนี้
ระดับที่ 1 (Grade 1)
- กล้ามเนื้อมีการยืดหรือฉีกขาดเพียงเล็กน้อย
- มีอาการปวดเล็กน้อย
- ยังสามารถใช้งานได้เกือบปกติ
- อาจมีอาการปวดเมื่อยตื้อๆ
ระดับที่ 2 (Grade 2)
- กล้ามเนื้อมีการฉีกขาดบางส่วน
- มีอาการปวดปานกลาง
- อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย
- ยังพอเคลื่อนไหวและใช้งานได้บ้าง แต่จำกัด
ระดับที่ 3 (Grade 3)
- กล้ามเนื้อฉีกขาดมากกว่าครึ่ง
- มีอาการปวดรุนแรง
- มีอาการบวมและช้ำชัดเจน
- เคลื่อนไหวและใช้งานได้ลำบากมาก
ระดับที่ 4 (Grade 4)
- กล้ามเนื้อฉีกขาดสมบูรณ์
- ปวดรุนแรงมาก
- บวมและช้ำมาก
- ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือใช้งานได้เลย
- อาจมีการหลุดเคลื่อนของข้อต่อร่วมด้วย
สาเหตุการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เกิดจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุหลักของการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามีดังนี้
- อุบัติเหตุระหว่างการเล่น เช่น การปะทะ การล้ม การบิดผิดท่า
- การใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไปหรือซ้ำๆ โดยไม่ได้พัก
- ขาดการเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนเล่น เช่น ไม่อบอุ่นร่างกาย ไม่ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
- เทคนิคการเล่นไม่ถูกต้อง ทำให้ใช้กล้ามเนื้อผิดท่าทาง
- ใช้อุปกรณ์ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้าไม่พอดี อุปกรณ์กีฬาไม่ได้มาตรฐาน
- สภาพร่างกายไม่พร้อม เช่น อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- โครงสร้างร่างกายผิดปกติ เช่น ขาโก่ง เท้าแบน
- การฝึกซ้อมไม่ถูกวิธีหรือหักโหมเกินไป
อาการบาดเจ็บการเล่นกีฬาที่พบบ่อย
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตของนักกีฬาหรือผู้ออกกำลังกาย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของการบาดเจ็บที่พบบ่อยจะช่วยให้เราสามารถรับมือและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบได้บ่อย มีดังนี้
1. การอักเสบหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (Muscle and Tendon Injuries)
อาการบาดเจ็บนี้เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นมากเกินไป หรือการบิดตัวผิดท่าทาง ทำให้เกิดการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ อาการที่พบได้แก่
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- บวม
- ช้ำ
- เคลื่อนไหวลำบาก
- กล้ามเนื้อที่มักได้รับบาดเจ็บบ่อย เช่น กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (แฮมสตริง) กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
2. การบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Injuries)
เกิดจากการกระแทก ปะทะ หรือล้มในขณะเล่นกีฬา ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ อาการที่พบได้แก่
- ฟกช้ำ
- บวม
- มีรอยเขียวช้ำ
- ปวด บวม แดง ร้อน
3. กระดูกหัก (Fractures)
เป็นการบาดเจ็บที่รุนแรง เกิดจากแรงกระแทกอย่างแรงหรืออุบัติเหตุรุนแรง ทำให้กระดูกแตกหัก อาการที่พบได้แก่
- ปวดรุนแรง
- บวม
- ผิดรูป
- เคลื่อนไหวไม่ได้
- อาจมีแผลเปิด
4. ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บ (Joint and Ligament Injuries)
เกิดจากการบิด พลิก หรือกระแทกของข้อต่อ ทำให้เอ็นยึดข้อต่อยืดหรือฉีกขาด อาการที่พบได้แก่
- ปวดบริเวณข้อต่อ
- บวม
- ข้อไม่มั่นคง รู้สึกหลวม
- อาจมีเสียงดังในข้อ
- เคลื่อนไหวลำบาก
5. การบาดเจ็บที่เข่า (Knee Injury)
เข่าเป็นข้อต่อที่รับน้ำหนักมาก จึงเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องวิ่ง กระโดด หรือเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน อาการบาดเจ็บที่เข่าที่พบบ่อย ได้แก่
- เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด (ACL tear)
- หมอนรองกระดูกฉีกขาด
- เอ็นสะบ้าอักเสบ
- ข้อเข่าเสื่อม
6. ข้อต่อเคลื่อน ผิดตำแหน่ง (Dislocation)
เกิดจากการกระแทกหรือบิดตัวอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกหลุดออกจากข้อต่อ พบบ่อยที่ข้อไหล่และข้อนิ้ว อาการที่พบได้แก่
- ปวดรุนแรง
- บวม
- ผิดรูป
- เคลื่อนไหวไม่ได้
7. เส้นเอ็นคลุมข้อไหล่ฉีกขาด (Rotator Cuff Injury)
พบบ่อยในกีฬาที่ต้องใช้แขนยกเหนือศีรษะบ่อยๆ เช่น ว่ายน้ำ เทนนิส วอลเลย์บอล อาการที่พบได้แก่
- ปวดบริเวณไหล่ โดยเฉพาะเวลายกแขน
- กล้ามเนื้อไหล่อ่อนแรง
- ข้อไหล่ติด เคลื่อนไหวได้จำกัด
วิธีรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาตามหลัก RICE
การรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาในระยะเฉียบพลัน (24-72 ชั่วโมงแรก) สามารถใช้หลัก RICE ซึ่งเป็นวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้การบาดเจ็บรุนแรงขึ้น มีรายละเอียดดังนี้
R – Rest (พัก)
- หยุดพักการใช้งานส่วนที่บาดเจ็บทันที
- ลดการเคลื่อนไหวและการลงน้ำหนักบริเวณที่บาดเจ็บ
- ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง เช่น ไม้ค้ำยัน หรือผ้าพันแขนตามความเหมาะสม
- พักให้เพียงพอ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น
I – Ice (ประคบเย็น)
- ใช้น้ำแข็ง ถุงเย็น หรือเจลเย็นประคบบริเวณที่บาดเจ็บ
- ประคบครั้งละ 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง
- ห่อน้ำแข็งด้วยผ้าบางๆ ไม่วางน้ำแข็งบนผิวหนังโดยตรง
- ประคบเย็นต่อเนื่อง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังบาดเจ็บ
C – Compression (พันผ้ายืด)
- ใช้ผ้ายืดพันบริเวณที่บาดเจ็บให้กระชับ แต่ไม่แน่นเกินไป
- เริ่มพันจากส่วนปลายเข้าหาลำตัว
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่พันแน่นเกินไปจนขัดขวางการไหลเวียนเลือด
- คลายผ้าพันเป็นระยะหากรู้สึกชา เสียวซ่า หรือเย็น
E – Elevation (ยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูง)
- ยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ
- ใช้หมอนหรืออุปกรณ์รองรับเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่สบาย
- ยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงตลอดเวลาที่พักหรืออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อวัน
- การยกส่วนที่บาดเจ็บช่วยลดอาการบวมและช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น
การใช้หลัก RICE อย่างถูกต้องและต่อเนื่องในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดการบาดเจ็บ จะช่วยลดอาการปวด บวม และการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
วิธีป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
การป้องกันการบาดเจ็บเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักการออกกำลังกายและเล่นกีฬาไม่ควรละเลย หากคุณไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร สามารถนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลย รับรองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้แน่นอน
- อบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนเล่นทุกครั้ง
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น หมวกกันน็อค สนับเข่า
- ฝึกซ้อมและเล่นกีฬาอย่างถูกวิธี ไม่หักโหมจนเกินไป
- เลือกใช้อุปกรณ์กีฬาที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอระหว่างเล่นกีฬา
- พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ฟังสัญญาณเตือนจากร่างกาย หากรู้สึกผิดปกติควรหยุดพัก
- ทำการคูลดาวน์และยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังเล่นกีฬาทุกครั้ง
สรุปบทความการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของการบาดเจ็บ สาเหตุ วิธีการรักษา และการป้องกันอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงของการบาดเจ็บได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนเล่นกีฬา ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และรู้จักสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย หากเกิดการบาดเจ็บขึ้น ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกวิธีและรีบพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง การดูแลรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วและกลับมาเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัย
สำหรับใครที่เคยได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬามาก่อน แล้วยังมีอาการปวดเรื้อรังอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดหลังส่วนล่าง ปวดเข่า หรืออยากให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นไว ๆ สามารถนัดหมายเข้ามาตรวจสุขภาพร่างกาย และทำกายภาพบำบัด ที่ The Commons Clinic ได้เลย เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย เช่น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มั่นใจเลยว่า จะช่วยให้อาการปวดดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :
- ที่ตั้ง : 388 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (https://goo.gl/maps/sbT1J8wUKgy4mQPF8)
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 19.00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 094-694-9563
- Line OA : @thecommonsclinic
- Facebook : The Commons Clinic – คลินิกเฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู และ กายภาพบำบัด