ไม่สบายนวดได้ไหม? เช็กให้ชัวร์ก่อนไปนวดแผนไทย

การนวดแผนไทยช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย คลายความเครียด และฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานเป็นเวลานานๆ มักจะปวดคอบ่าไหล่ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า “ไม่สบายนวดได้ไหม” โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว เพราะการนวดแผนไทยแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับคนบางกลุ่มที่อาจเกิดอันตรายได้หากฝืนไปนวด คลินิกกายภาพบำบัด เดอะคอมมอนส์คลินิก (The Commons Clinic) จะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจว่าใครบ้างที่ไม่ควรนวดแผนไทย ไม่ว่าจะนวดเพื่อรักษาโรคหรือนวดเพื่อผ่อนคลาย

นวดแผนไทยคืออะไร ทำไมจึงเป็นที่นิยม

การนวดแผนไทยเป็นศาสตร์การบำบัดโรคอย่างหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผ่านการกด คลึง บีบ ดัด ดึง และการประคบสมุนไพร ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง บรรเทาอาการปวดเมื่อย และช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้ทันทีหลังนวด

การนวดแผนไทยจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้อติด อาการชา หรือความเครียด นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาที่ไม่ต้องใช้ยา จึงไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาแผนปัจจุบัน

นวดแผนไทยเพื่อการรักษา

นวดแผนไทยเพื่อการรักษา

การนวดแผนไทยเพื่อการรักษาเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง ผู้นวดต้องผ่านการอบรมและได้รับใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง การนวดประเภทนี้จะเริ่มต้นจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยอาจผสมผสานการรักษาหลายวิธี เช่น การนวด การประคบสมุนไพร การอบสมุนไพร หรือการใช้ยาสมุนไพร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบำบัดรักษา

เมื่อไม่สบายนวดได้ไหม? ใครบ้างที่ไม่ควรไปนวด

ไม่สบาย เป็นไข้นวดได้ไหม? สำหรับผู้ที่มีไข้ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะการนวดอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อมีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ควรรักษาอาการไข้ให้หายก่อนจึงค่อยพิจารณาการนวด ดังนั้น การประเมินสภาพร่างกายเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญมากก่อนตัดสินใจไปนวด โดยควรสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เช่น มีไข้ มีอาการอักเสบ หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องระวังเป็นพิเศษ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

10 กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรนวดแผนไทย

10 กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรนวดแผนไทย

1. ผู้ที่มีไข้สูงเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส

การมีไข้สูงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ การนวดในช่วงนี้อาจทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายได้มากขึ้น เนื่องจากการนวดจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจพาเชื้อโรคกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ผู้ที่มีไข้สูงมักจะมีอาการอ่อนเพลีย การนวดจะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอลงไปอีก

2. ผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคที่มีภาวะการติดเชื้อเฉียบพลัน

ในภาวะที่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ร่างกายต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน การนวดอาจรบกวนกระบวนการนี้และทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ควรรอให้หายจากการติดเชื้อก่อนจึงค่อยไปนวด

3. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 160/100 มิลลิเมตรปรอท

ความดันโลหิตที่สูงเกินไปเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง การนวดจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและอาจทำให้ความดันโลหิตยิ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีอาการหน้ามืด ใจสั่น ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ควรควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน

4. ผู้ที่มีบาดแผลเปิด แผลเรื้อรัง

บาดแผลเปิดเป็นช่องทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การนวดบริเวณใกล้เคียงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ สำหรับแผลเรื้อรัง การนวดอาจทำให้การหายของแผลช้าลงและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อซ้ำได้

5. ผู้ที่มีรอยโรคผิวหนังที่สามารถติดต่อได้

โรคผิวหนังที่ติดต่อได้ เช่น กลาก เกลื้อน หูด หรือโรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัส การนวดจะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังส่วนอื่นของร่างกายหรือติดต่อไปยังผู้อื่น

6. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บภายใน 48 ชั่วโมง หรือได้รับการผ่าตัดภายในระยะเวลา 1 เดือน

ในช่วงแรกของการบาดเจ็บ ร่างกายอยู่ในระยะการอักเสบเฉียบพลัน การนวดอาจทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น สำหรับผู้ที่เพิ่งผ่าตัด แผลผ่าตัดต้องการเวลาในการหาย และเนื้อเยื่อต้องการเวลาในการซ่อมแซมตัวเอง การนวดอาจไปรบกวนกระบวนการเหล่านี้

7. ผู้ที่มีอาการหลอดเลือดดำอักเสบ (Deep Vein Thrombosis: DVT)

ภาวะหลอดเลือดดำอักเสบมีความเสี่ยงที่ลิ่มเลือดจะหลุดไปอุดตันที่อื่น โดยเฉพาะที่ปอด (Pulmonary Embolism) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต การนวดจะเพิ่มความเสี่ยงในการที่ลิ่มเลือดจะหลุดและเคลื่อนที่

8. ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง

โรคกระดูกพรุนทำให้กระดูกเปราะบางและแตกหักง่าย การนวดที่ใช้แรงกดมากเกินไปอาจทำให้เกิดการแตกหักของกระดูกได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง

9. ผู้ที่มีกระดูกแตก กระดูกหัก กระดูกปริร้าว

บริเวณที่มีการแตก หัก หรือร้าว กระดูกต้องการการพักฟื้นและการดูแลเป็นพิเศษ การนวดอาจทำให้กระดูกเคลื่อนและหายช้า สำหรับบริเวณที่มีการผ่าตัดใส่เหล็กหรือข้อเทียม ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการนวดเสมอ

10. บริเวณที่เป็นมะเร็ง

การนวดบริเวณที่เป็นมะเร็งอาจกระตุ้นการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษามักมีภูมิคุ้มกันต่ำ การนวดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้

สรุป ไม่สบายแต่อยากนวด ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดก่อน

การนวดแผนไทยยังมีจุดสำคัญอื่นๆ ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเส้นประสาทและหลอดเลือดสำคัญ เช่น บริเวณขมับ ต้นคอ และรักแร้ การนวดที่ใช้แรงมากเกินไปในจุดเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพองในช่องท้อง ควรหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณท้องโดยเด็ดขาด 

เพื่อความปลอดภัยสูงสุด จึงควรแจ้งประวัติสุขภาพและโรคประจำตัวให้ผู้ให้บริการทราบทุกครั้งก่อนนวด เพื่อปรับเทคนิคการนวดให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เดอะคอมมอนส์คลินิก (The Commons Clinic) พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากนวดเพื่อผ่อนคลายหรือเพื่อการรักษา แต่มีความกังวลใจว่าตัวเองจะนวดได้หรือไม่ โดยนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ และเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัยและมีความปลอดภัย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :

6/01/68 เวลา 22:17 น.