หากคุณมีอาการปวดหลังส่วนล่าง คุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว แน่นอน เพราะปัญหากล้ามเนื้อ และกระดูกนี้พบได้บ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ โดยมากถึง 80% คนส่วนใหญ่เมื่ออายุประมาณ 30 ถึง 50 ปี มักประสบปัญหากับอาการปวดหลัวส่วนล่าง เนื่องจากเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระหว่างอายุ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงวัยทำงาน ที่ต้องนั่งนานๆ ไม่ขยับไปไหน การยกของแบบเดิมซ้ำๆ หรือนิสัยในชีวิตประจำวัน ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่าง เพราะเมื่ออายุที่มากขึ้น ของเหลวระหว่างกระดูกสันหลังในกระดูกสันหลังจะลดลง ส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังเกิดเสื่อมได้ง่ายขึ้น
ซึ่งใครหลายๆ คนพยายามหาวิธีรักษาให้หาย แต่ก็กลับมาเป็นซ้ำๆ อยู่เหมือนเดิม อาจจะรักษาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นอาการปวดหลังส่วนล่างยังสามถึงสะโพก ซึ่งบางครั้งก็ร้าวลงขา โดยปกติแล้วอาการปวดหลังส่วนล่างจะดีขึ้นด้วยการพักผ่อน ทานยาแก้ปวด กายภาพบําบัด การฉีดคอร์ติโซน และการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นอย่างภายใน 14 วัน และอาการมักจะลดลงหลังจากผ่านไปประมาณ 28 หรือถ้ามีอาการหนักอาจใช้เวลานานถึง 3 เดือน ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และรักษาอาการปวดหลังส่วนล่างให้ถูกวิธี
Table of Contents
Toggleอาการปวดหลังส่วนล่าง
อาการปวดหลังส่วนล่างมีสาเหตุหลายประการ และอาจส่งผลให้เกิดอาการได้หลากหลาย
อาการที่พบบ่อยที่สุดได้แก่:
- ปวดเมื่อนั่งเป็นเวลานาน
- ปวดเมื่อยกของหนัก หรือก้มลง
- ความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากก้นหรือสะโพก
- ความฝืดหลังจากไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่งหรือเมื่อตื่นนอนครั้งแรก
- ชาหรืออ่อนแรง
- ปวดขาหรือเท้าร่วมทั้งหลัง
สาเหตุทั่วไปของอาการปวดหลังส่วนล่าง
- กล้ามเนื้อตึงเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง
- ความเสื่อมของหมอนรองกระดูก
- Radiculopathy หรือการบีบเส้นประสาทที่ด้านหลังที่อาจทําให้เกิดอาการปวดที่ขา
- Facet joint arthropathy ซึ่งเป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งของข้อต่อเล็ก ๆ ในหลัง
- ความผิดปกติของข้อต่อ Sacroiliac ซึ่งทําให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อต่อมากเกินไปหรือน้อยเกินไปที่รอยต่อของหลัง และกระดูกเชิงกราน
การออกกําลังกาย และการยืดกล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างด้วยตัวเอง
1.Glute Bridges
การยืดเส้นยืดสายด้วย Glute Bridges เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสะโพก transversus abdominis และ hamstrings กล้ามเนื้อเหล่านี้ช่วยพยุงกระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกราน
2.Cat-cow
เป็นท่าโยคะแบบคลาสสิกที่ช่วยในการยืดกล้ามเนื้อด้านหลัง และแกนกลางทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลัง เป็นท่าบริหารเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และอาการปวดตึง
3.Open Book
Open Book เป็นการยืดกล้ามเนื้อสําหรับการเหยียดหลังส่วนบน และไหล่ในขณะที่ยืดหน้าอก และไหล่ด้านหน้า ท่าบริหารนี้จะรู้สึกผ่อนคลายตรงสะโพก และหน้าท้อง
4.Bird Dog
ท่าบริหารนี้เป็นการยืดหลัง และกระดูกสันหลังส่วน erector และกล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งเป็นการออกกําลังกายเพื่อช่วยให้กระดูกสันหลังแข็งแรงเพื่อรองรับกระดูกสันหลังระหว่างการยืด งอ การหมุน และการเคลื่อนไหว คำเตือนอย่ายืดหรืองอหลังมากเกินไปเมื่อเหยียดแขน และขา
5.Rotation in sitting
การยืดกล้ามเนื้อหลังในลักษณะแบบนั่งจะช่วยบรรเทาอาการ Piriformis ที่ตึง กล้ามเนื้อเฉียงภายนอก และกล้ามเนื้อเฉียงภายใน
เคล็ดลับเพื่อลดความเจ็บปวดอาการปวดหลังส่วนล่าง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารที่สมดุล เพราะการรับประทานอาหารที่ไม่ดีอาจทําให้เกิดการอักเสบในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น และนําไปสู่อาการปวดหลัง และปัญหาด้านน้ําหนัก
- ออกกําลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อลด และป้องกันความเจ็บปวด
- พยายามนอนหลับอย่างเต็มที่โดยแนะนำที่ 7 ถึง 8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูอาการเจ็บปวด
วิธีเบื้องต้นสำหรับลดอาการปวดหลังส่วนล่าง
- Heating pad การติดแผ่นทำความร้อนนั้นจะช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือด และออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น
- ทายาครีม อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนผสม เช่น เมนทอล การบูร หรือ lidocain ที่สามารถให้ความเย็น และความร้อน หรือทําให้ชาบริเวณที่ได้รับผลกระทบได้
- อาบน้ำอุ่น จะช่วยเพิ่มการไหลเวียน และลดอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อได้
- ออกกำลังกาย สามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต และผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งได้
- ประคบน้ำแข็ง หากมีอาการปวดหลังช่วงล่าง อาจใช้การประคบน้ำแข็งเข้าช่วย เพราะจะช่วยลดการอักเสบ ความเจ็บปวด และรอยฟกช้ำได้ การประคบน้ำแข็งจะทำงานได้ดีที่สุดภายใน 48 ชั่วโมงแรกของอาการกล้ามเนื้อที่ตึง หรือได้รับบาดเจ็บ
หมายเหตุ ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าทำสิ่งต่างๆ ข้างต้นแล้วไม่หายจะทำอย่างไรดี? ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะรักษาวินิฉัยตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีวิธีการรักษาดังด้านล่างต่อไปนี้
แนะนำวิธีรักษาอาการปวดหลังส่วนล่างให้ได้ผล
1.กายภาพบําบัด
แพทย์จะแนะนำการทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดจะกำหนดท่าที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้สามารถรองรับกระดูกสันหลังได้ นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
2.การฉีด
แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในบริเวณที่เกิดอาการปวด เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบ
3.รักษาด้วยยาต่างๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
การทานยาตามคำแนะนำของเเพทย์จะเป็นผลดีต่อร่างกายตัวเอง เพราะแพทย์จะทำการวินิฉัยอาการก่อนที่จะให้ยาเสมอ เพราะยาบางการที่ใช้มากเกินไปอาจทําให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ ดังนั้นแล้วควรปรึกษาแพทย์จะดีกว่าซื้อมากินเอง
4.การผ่าตัด
การบาดเจ็บที่มีอาการหนัก อาจจะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วย เพื่อช่วยอาการปวดหลังส่วนล่างให้ดียิ่งขึ้น
5.รักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS
หรือ Peripheral Magnetic Stimulation เป็นการกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง ส่งผ่านเสื้อผ้าลงไปจนถึงเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร และเป็นบริเวณที่การนวดตัวไม่สามารถช่วยได้ เพื่อกระตุ้นให้มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดลงอย่างรวดเร็ว
6.เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique)
เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique) คือ การรักษาแบบหัตถการโดยการใช้มือ ดึง ดัด จัดกระดูก และข้อต่อต่าง ๆ เพื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
7.การทำกายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก หรือ เครื่องช็อคเวฟ (Shock Wave)
กายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก เป็นการส่งคลื่นกระแทกที่เกิดจากแรงอัดอากาศปริมาณสูงไปยังบริเวณที่มีอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีก้อนกล้ามเนื้อ และพังผืดที่แข็งเกร็ง โดยคลื่นกระแทกจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ เกิดกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นใหม่อีกครั้ง พร้อม ๆ กับลดปริมาณของสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณเจ็บปวด
8.การรักษาด้วยไคโรแพรคติก (Chiropractic)
การรักษาด้วย หรือที่เรียกว่าการจัดกระดูก ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถช่วยปรับกระดูกสันหลังใหม่ บรรเทาแรงกดบนเส้นประสาท และลดอาการปวด
9.โปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะบุคคล โดยนักกายภาพบำบัด
เป็นการวินิฉัยจุดบกพร่องของร่างกาย และวางแผนการออกกำลังกายแต่ละบุคคลให้อย่างเหมาะสม ที่สามรถปรึกษาแพทย์ และนักกายภาพบำบัดอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเวทเทรนนิ่ง คาร์ดิโอ
หากคุณไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับอาการปวดหลังส่วนล่างอยู่ อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนัก สามารถนัดหมาย หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ ได้ที่ thecommonsclinic.com ได้เลย
The Commons Clinic เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มีการตรวจประเมินร่างกายและวางแผนรักษาเฉพาะบุคคลก่อนทุกครั้ง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :
- ที่ตั้ง : 388 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (https://goo.gl/maps/sbT1J8wUKgy4mQPF8)
- เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 19.00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 094-694-9563
- Line OA : @thecommonsclinic
- Facebook : The Commons Clinic – คลินิกเฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู และ กายภาพบำบัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Mayo Clinic, Very well fit