รวมวิธีทำให้หายปวดหลังอย่างเห็นผล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อาการปวดหลัง ทั้งปวดหลังส่วนล่าง ปวดหลังส่วนบน ปวดหลังด้านซ้าย หรือปวดหลังด้านขวา ล้วนแต่สร้างความไม่สบายกายและใจให้กับทุกคน หากนาน ๆ เป็นทีก็ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าปวดหลังเรื้อรัง หรือปวดหลังรุนแรง ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตได้ 

สำหรับใครที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อตรวจหาสาเหตุ และวางแผนรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีที่สุด แต่สำหรับใครที่ยังไม่สะดวก The Commons Clinic คลินิกกายภาพบำบัด มีวิธีทำให้หายปวดหลังอย่างเห็นผลมาแนะนำ ลองนำไปปรับใช้ดูแลตนเองในเบื้องต้นก่อนได้เลย

ปวดหลังแบบไหนที่เสี่ยงอันตราย

อาการปวดหลังที่บ่งบอกถึงภาวะร้ายแรงและควรพบแพทย์โดยทันที ได้แก่

  • ปวดเรื้อรัง : ปวดนานเกิน 3 เดือน ไม่หายไปเอง
  • ปวดเฉียบพลันรุนแรง : ปวดมากจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ปวดจนต้องตื่นกลางดึก
  • ปวดร้าว : ปวดร้าวลงขา สะโพก น่อง หรือเท้า
  • ปวดร่วมกับอาการอื่นๆ :

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เนื่องจากอาการปวดหลังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น เนื้องอกในกระดูกสันหลัง การติดเชื้อ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน การสังเกตอาการและพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การรักษาเป็นผลดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

10 วิธีทำให้หายปวดหลังอย่างเห็นผล

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มมีอาการปวดหลัง หรือปวดหลังเรื้อรังบ่อย ๆ เรามี 10 วิธีทำให้หายปวดหลังมาฝาก มีครบทั้งวิธีแก้อาการปวดหลังที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง และวิธีที่ต้องทำภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัดและแพทย์ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันเลย!

แนะนำวิธีทำให้หายปวดหลังอย่างเห็นผล

1. ทำท่าบริหารยืดกล้ามเนื้อหลัง

การยืดกล้ามเนื้อหลังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหลัง โดยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ท่าที่แนะนำ เช่น 

  • ท่า Cat-Cow Stretch ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนและล่าง
  • ท่า Child’s Pose ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง
  • ท่า Knee-to-Chest Stretch ช่วยยืดกล้ามเนื้อสะโพกและหลังส่วนล่าง

อย่างไรก็ตาม การทำท่าบริหารแก้ปวดหลังปวดเอว หรือท่ายืดกล้ามเนื้อให้เห็นผล จะต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ด้วยท่าทางที่ถูกต้อง ทำช้า ๆ และนุ่มนวล ไม่ยืดจนรู้สึกเจ็บ และมีความถี่ที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้อาการปวดหลังค่อยๆ ดีขึ้นได้

ประคบร้อนและประคบเย็น

2. ประคบร้อนและประคบเย็น

การประคบร้อน ประคบเย็น เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหลัง สำหรับอาการปวดเฉียบพลัน ให้เริ่มด้วยการประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก โดยประคบครั้งละ 20 นาที ทุก 2 ชั่วโมง เพื่อลดการอักเสบ หลังจากนั้นให้สลับเป็นการประคบร้อน ซึ่งจะช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือด และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ประคบร้อน 15-20 นาที สำหรับอาการปวดเรื้อรัง การประคบร้อนมักให้ผลดีกว่า

3. นวดแผนไทย แก้อาการปวดหลัง

การนวดแผนไทยเป็นศาสตร์การบำบัดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคการกด การคลึง และการยืดกล้ามเนื้อตามแนวเส้นพลังในร่างกาย การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด และลดอาการปวด 

นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในการนวด ควรเลือกผู้นวดที่มีความชำนาญ และแจ้งถึงอาการปวดหลังของคุณก่อนรับบริการ

4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดหลัง เริ่มจากการปรับท่าทางการนอนและนั่งให้ถูกต้อง โดยเฉพาะท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง และจะต้องจัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เอื้อต่อสุขภาพหลัง เช่น ปรับระดับโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรลุกเดินหรือยืดเหยียดร่างกายทุก 1-2 ชั่วโมง 

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังอย่างการยกของหนักมาเกินไป หรือสวมใส่รองเท้าส้นสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานด้วย

ออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

5. ออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลัง กล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรงจะช่วยรองรับน้ำหนักและลดแรงกดทับบนกระดูกสันหลัง หากไม่รู้จะออกกำลังกายอะไรดี แนะนำให้ออกกำลังกายแบบ Pilates, โยคะ หรือทำท่า Plank ก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและช่องท้อง พร้อมลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวดหลังในระยะยาวได้

6. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

น้ำหนักตัวมีผลโดยตรงต่อสุขภาพหลัง การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันและลดอาการปวดหลัง น้ำหนักที่มากเกินไปโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องจะเพิ่มแรงกดทับบนกระดูกสันหลัง ในขณะเดียวกัน น้ำหนักที่น้อยเกินไปก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และส่งผลดีต่อสุขภาพหลังในระยะยาว

7. รักษาด้วยการรับประทานยาแก้ปวด หรือฉีดยาลดการอักเสบ

การใช้ยาเป็นอีกหนึ่งวิธีในการบรรเทาอาการปวดหลัง โดยทั่วไปแล้ว ยาแก้ปวดที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เช่น พาราเซตามอล หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในระยะสั้น สำหรับอาการปวดที่รุนแรงหรือเรื้อรัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ทำกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคบำบัดด้วยมือ

8. ทำกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique)

เทคนิคบำบัดด้วยมือ (Manual Technique) เป็นวิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหลัง นักกายภาพบำบัดจะใช้มือในการปรับโครงสร้างกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ เพื่อลดความตึงเครียดและเพิ่มความยืดหยุ่น วิธีนี้ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆ เช่น การใช้เครื่องช็อคเวฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกาย

9. ใช้เครื่องช็อคเวฟ (Shock Wave) บรรเทาอาการปวดอย่างรวดเร็ว

เครื่องช็อคเวฟเป็นนวัตกรรมการรักษาที่ใช้คลื่นกระแทกพลังงานสูงเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด ส่งผลให้อาการปวดบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังช่วยสลายพังผืดและหินปูนรอบเส้นเอ็น เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ การรักษาด้วยเครื่องช็อคเวฟได้รับการรับรองความปลอดภัยและเป็นที่นิยมในวงการกายภาพบำบัดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

10. ทำกายภาพบำบัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (PMS) ฟื้นฟูเส้นประสาท

การทำกายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ PMS เป็นเทคนิคกายภาพบำบัดที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อชั้นลึก วิธีนี้ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว เพิ่มการไหลเวียนเลือด และฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้อาการปวดหลังบรรเทาลงอย่างมีประสิทธิภาพ PMS สามารถเข้าถึงเนื้อเยื่อลึกถึง 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นบริเวณที่การนวดทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง

ทำกายภาพบำบัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS

สรุปบทความวิธีทำให้หายปวดหลัง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีทำให้หายปวดหลังที่เรานำมาฝากในวันนี้ มีครบทั้งวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง อย่างการทำท่าบริหารกล้ามเนื้อหลัง การออกกำลังกาย การนวด หรือควบคุมน้ำหนัก ไปจนถึงวิธีที่ต้องทำภายใต้นักกายภาพบำบัดและแพทย์อย่างใช้เครื่องช็อกเวฟ หรือเครื่อง PMS สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองได้เลย 

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการปวดหลังที่รุนแรง เรื้อรัง หรือมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้หายจากอาการปวดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

สำหรับใครที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ปวดหลังส่วนล่าง หรือปวดคอ บ่า ไหล่ อยู่ สามารถนัดหมายเข้ามาตรวจสุขภาพร่างกาย และทำกายภาพบำบัด ที่ The Commons Clinic ได้เลย เรามีทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดปริญญาให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ทันสมัย เช่น เครื่อง Shock Wave หรือ เครื่อง PMS มั่นใจเลยว่า จะช่วยให้อาการปวดของคุณดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าใช้บริการ The Commons Clinic ได้ที่ :

18/08/67 เวลา 21:22 น.